maison vw

rest sit and relax

มาทำให้ผู้ใหญ่ให้รับมือน้ำท่วมกันเถิด

leave a comment »

ถึงวันนี้ นักวิชาการต่างออกมายืนยันแล้วว่า กรุงเทพ “จมน้ำ” แน่นอน เพียงแต่ว่าจะท่วมมากท่วมน้อย ทางหนีทีไล่อย่างไร เราท่านคงหาข้อมูลกันไว้แล้ว

คิดในแง่ดี แม้น้ำจะท่วม แต่คนกรุงเทพก็ยังโชคดีกว่าคนจังหวัดอื่นๆ (อยู่ดี) เพราะมีเวลาเตรียมตัวเยอะกว่า และทั้งรัฐบาล และกทม. ก็พยายาม “ยื้อ” น้ำท่วมไว้ ไม่ให้ท่วมฉับพลันทันที หรือท่วมสูงเหมือนพื้นที่อื่นๆ

ขณะเดียวกัน หลายคนมักจะมีปัญหาว่า ผู้ใหญ่ในบ้านไม่ค่อยเห็นความสำคัญกับการป้องกันน้ำท่วม เพราะมักคิดว่าอย่างไรก็ตาม รัฐบาล”เอาอยู่” ไม่ปล่อยให้น้ำท่วมหัวใจของเศรษฐกิจไทยแน่นอน หรืออีกหลายคนก็คิดว่่าอยูที่สูง ตั้งแต่เกิดมาน้ำไม่เคยท่วม คราวนี้ก็ไม่ท่วมแน่ ฯลฯ

ทำให้ต้องมีปัญหาในการทำให้พวกท่านเชื่อ และตระหนักว่าต้องป้องกันเอาไว้ เพราะในหลักการเตรียมรับมือภัยต่างๆ เขาให้คิดถึงสถานการณ์ที่ร้ายที่สุด “เพื่อให้รับมือ ไม่แตกตื่น” ซึ่งผมเองก็มีปัญหาในเรื่องนี้ เลยมีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ มาปันกันถึงการทำให้พวกท่านยอมเตรียมการ

1. คุณต้องมีสติ ไม่ใช้อารมณ์ในการอธิบายเหตุผล จากนั้นจึงค่อยๆ ตอบปัญหาที่เป็นท่านเชื่อ ตัวอย่างเช่น กรุงเทพเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ เขาไม่ยอมปล่อยให้ท่วม ก็ต้องให้เหตุผลว่า ถึงเวลานี้ เราไม่ควรฝากความหวังไว้ที่่ใครแล้ว ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน และเพราะเขตเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างๆ ก็ถูกน้ำท่วมจมหมดแล้ว เพราะปริมาณน้ำมหาศาลกว่าที่คิดมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เทียบได้กับพื้นที่ 3-4 จังหวัด จ่อเข้ามากรุงเทพเพื่อลงแม่น้ำเจ้าพระยา หรือตัวอย่างต่อมาคือ การเชื่อมั่นว่าอยู่ที่สูงน้ำไม่ท่วม หรือไม่เคยท่วมมาก่อนนั้น ชาวบ้านหลายๆ จังหวัด ที่ถูกน้ำท่วมครั้งนี้ บอกเหมือนกันหมดว่า “เกิดมาไม่เคยเจอ” ฉะนั้นคนกรุงเทพก็จะได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอเช่นกัน เป็นต้น

2. ผู้ใหญ่หลายท่านอาจไม่เตรียมการ ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อว่าน้ำจะท่วม แต่กลัวและสับสนจนไม่ทราบว่าควรทำอะไร ในฐานะที่เรารู้ ก็ควรปลอบและให้กำลังใจท่าน

3. การอธิบายให้ผู้ใหญ่ทราบ ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้ท่านยอมป้องกันบ้านจากน้ำท่วม แต่เราเองต้องเริ่มเตรียมตัวป้องกันน้ำท่วมให้ท่านเห็น เช่น ออกไปซื้อเสบียง ติดต่อหากระสอบทราย ฯลฯ เพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะ ถึงเขาอาจจะบอกว่าเราตื่นตูมเกินไป แต่ก็เขาก็ยอมให้คุณทำ หรือทำตามเราอยู่ดี …ขอแค่เราเริ่มให้ท่านเห็น!

4. หาเวลาพาท่านออกไปข้างนอก เพื่อให้เห็นสภาพที่คนอื่นๆ เขาเตรียมตัวกัน เพื่อย้ำให้เขาตระหนักว่าถึงเวลาต้องป้องกันแล้ว

5. มีสติเสมอ เพราะถ้าคุณทำมาถึงข้อนี้แล้ว เขาก็หวังพึ่งคุณอยู่ลึกๆ แล้วล่ะ จะมาท้อเองตอนนี้คงไม่ใช่เรื่อง ยังไงก็ขอให้ทำต่อไป อาจจะแบ่งงานให้เขาได้ทำ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขาก็ได้ช่วยเหลือคุณเช่นกัน

6, ขอให้คิดว่า เริ่มทำเมื่อสาย ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เพราะในหลายๆ เหตุการณ์กว่าท่านจะยอมเชื่อ และทำอะไรสักอย่างตามที่เราแนะ ก็ต้องเริ่มต้นข้อหนึ่งใหม่ กว่าจะยอมเตรียมการ (เช่น หาของเข้าบ้าน หรือก่ออิฐ ก่อถุงทราย) ก็อาจจะหาของยาก หรือราคาสูงไปแล้ว ทำเมื่อสาย ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เสียตังค์มากกว่าเดิม แต่ก็ดีกว่าเสียหายหนัก ทั้งยังช่วยให้คุณมีสติ และกำลังใจในการเตรียมตัว

7. เตรียมตัวให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อย่างน้อยก็เป็นการบรรเทาความเสียหาย หรือจะได้ไม่ต้องคิดโทษคัวเองที่ไม่เตรียมการ และที่สำคัญ เพื่อปลอบและให้กำลังใจผู้ใหญ่ในบ้านด้วยครับ

อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนักนะครับ เพราะนึกอะไรได้ก็พิมพ์ไปเรื่อย ใครมีข้อเสนอแนะดีๆ ก็บอกแชร์กันได้ครับ ท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี และไม่เสียหายมาก หรือจมน้ำนานครับ (รวมทั้งตัวผมด้วย)

Written by vw

October 24, 2011 at 12:39

Posted in thaiflood

ชีพจรลงเท้า (ครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง)

with one comment

 

ช่วงนี้เดินทางชุกและชุมมาก อย่าว่าแต่จะมาเขียนบล็อกแต่บล็อกเลย งานการก็แทบจะไม่ได้ทำ และทำไม่ทันละ …เซ็ง!!

วีคที่แล้วเดินทางไกลไปถึงสวีเดน เหนื่อย และเพลียมาก เพราะเป็น press trip แต่ก็นั่้นแหละ ถ้าไม่ได้เพราะทัวร์สื่อมวลชน ก็คงไม่มีปัญญาไปเองแหงๆ หรือไม่ก็ ไม่คิดที่จะไปไกลขนาดนั้นแน่ๆ

ไปสวีเดน ก็ได้อะไรมามากมายครับ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสถานที่ แต่พูดถึงเรื่องคนที่นั่น ที่นอกจากหน้าตาดี ยังใจดี และเป็นมิตรอย่างยิ่ง (หรืออาจจะโชคดีเจอแต่คนนิสัยดีก็ได้มั้ง)

ที่แน่ๆ ต้นเดือนหน้าก็จะต้องเดินทางอีกละ และอาจจะมีทริปประเทศใกล้ๆ อีกทริป เดือนถัดไปก็มีคิวเดินทางอีกรอบ จะว่าสนุกก็สนุก จะว่าเหนื่อยก็มากมายนัก แต่ที่หนักที่สุดคืองานที่กองสุมเยอะมากน่ะสิ ต้องทำงานเป็นดับเบิ้ลอยู่ขณะนี้

 

มาถึงจุดนี้ก็สู้ๆ ละนะ

 

(ปล. เดี๋ยวจะมาเล่าทริปให้อ่านกันนะครับ เริ่มที่เมือง Uppsala ดังรูปโบสถ์ที่นำมาให้ชม)

Written by vw

June 21, 2011 at 03:26

Posted in Uncategorized

smile

leave a comment »

 
 
 
ฟังข่าวเขาเรียกปรากฏการณ์ดวงจันทร์ ดาวศุกร์ และดาวพฤหัส อยู่ใกล้ชิดกันว่า
"ดาวเคียงเดือน"
 
เห็นเขามุงดู และถ่ายภาพกันบน sky walk ก็เลยไปดูบ้าง
ไม่เห็น ก็คงยิ้มตามไม่ออก
แต่พอเห็นพลันเกิดรอยยิ้มตามอย่างดวงจันทร์และดวงดาว
ยิ้มตามเองโดยอัตโนมัติ
 
ดวงจันทร์ = moon
ดาวศุกร์ = venus
ดาวพฤหัส = jupiter
 
ผู้ชาย ผู้หญิง และดวงจันทร์
 
 
 
 
 

Smile though your heart is aching
Smile even though its breaking
When there are clouds in the sky, youll get by
If you smile through your fear and sorrow
Smile and maybe tomorrow
Youll see the sun come shining through for you

Light up your face with gladness
Hide every trace of sadness
Although a tear may be ever so near
Thats the time you must keep on trying
Smile, whats the use of crying?
Youll find that life is still worthwhile
If you just smile

Thats the time you must keep on trying
Smile, whats the use of crying?
Youll find that life is still worthwhile
If you just smile

Written by vw

December 2, 2008 at 01:36

Posted in Entertainment

Bradley Effect

with 3 comments

 
Tom Bradley ซึ่งเป็นชาวอัฟริกัน-อเมริกัน เรียกง่ายๆ ก็คือคนผิวดำ ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1982
ครั้งนั้นทุกสำนักโพลล์ ฟันธงว่าแบรดลี่ นอนมา ชนะขาดคู่แข่งแน่นอน เพราะผลโพลล์นั้นคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งถึง 5 เปอร์เซ็นต์
หรือแม่้กระทั่งผลโหวตหน้าคูหาเลือกตั้งก็บอกว่าแบรดลี่ชนะแน่
 
การณ์กลับตาลปัตร เมื่อผลคะแนนเป็นทางการออกมาว่า แบรดลี่แพ้เลือกตั้งครั้งนั้นแบบฉิวเฉียดเพียง 1% หักปากกาทุกสำนักโพลล์
ว่ากันว่า การเหยียดผิวขณะนั้นยังเข้มข้นรุนแรง การทำโพลล์ด้วยการสอบถามผู้มีสิทธิออกเสียง ก็มักจะได้รับคำตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
ผู้มีสิทธิออกเสียง ก็ตอบกันไปตามกระแสสังคม แต่เอาเข้าจริง เวลาเข้าคูหาโหวตกลับเลือกผู้สมัครผิวขาวซะงั้น
 
นายแบรดลี่ จึงกลายเป็นชื่อปรากฏการณ์พลิกโผเลือกตั้ง ด้วยปัจจัยแห่งสังคม ที่โพลล์ไม่อาจสะท้อนผลคะแนนที่แท้จริงได้
เรียกว่า ‘Bradley Effect’
 
ว่ากันว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมง หลายคนกังวลว่าอาจจะเกิดปรากฏการณ์แบรดลี่อีกครั้งได้
เพราะดูจะมาในแนวเดียวกันแป๊ะ คือผู้สมัครคนหนึ่งผิวสี อีกคนผิวขาว ผลโพลล์หลายต่อหลายครั้ง ก็บอกว่าผู้สมัครผิวสีชนะขาด
ในท่ามกลางความไม่แน่ว่าการเหยียดผิวจะจางหายไปหรือเปล่า ปรากฏการณ์แบรดลี่อาจกลับมาพลิกล็อกครั้งมโหฬารอีกครั้ง
 
แต่ปรากฏว่าไม่เป็นเช่นนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ชื่อ บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีอัฟริกัน-อเมริกันคนแรกของอเมริกา
 
ยัง…ยังไม่จบ!!
 
ใครเลยจะรู้ว่า แบรดลี่เอฟเฟ็กต์ เกิดขึ้นจริง และในวันเดียวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้เสียด้วย
 
คราวก่อน เล่าให้ฟังเรื่อง ญัตติข้อ 8 หรือ Proposition 8 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ว่าด้วยการห้ามการแต่งงานในเพศเดียวกัน
หากญัตตินี้ผ่านประชามติ ก็จะหักล้างคำสั่งของศาลฏีกาของรัฐเมื่อต้นปีนี้ ที่ตัดสินให้การแต่งงานของเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย
 
ที่ตอนนี้ผลออกมาแล้ว (แม้จะยังนับไม่หมด)
 
52% โหวต Yes
48% โหวต No
 
หมายถึงญัตติ 8 ก็ผ่านออกมา ก็หมายถึงจะห้ามแต่งงานของเพศเดียวกันในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในเร็ววันนี้
ตามหลังการโหวตผ่านญัตติที่มีความหมายใกล้เคียงกันนี้ ในหลายรัฐ อาทิ อลิโซน่า และฟลอริด้า เป็นต้น
 
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผลโพลล์ต่างชี้ว่าประชาชนจะร่วมกันต้านญัตติการห้ามแต่งงานในเพศเดียวกัน (vote No)
ผู้สนับสนุนญัตติวิเคราะห์ว่า จริงๆ ประชาชนก็รู้ว่ามันไม่ถูกต้องแต่แรก
ทว่าเวลาทำโพลล์ พวกเขาก็ไม่อยากให้ถูกมองว่าใจแคบ ก็เลยตอบๆ ไปว่าไม่เห็นด้วย
 
เรียกว่าเอฟเฟ็กต์ของแบรดลี่วืดผ่านประธานาธิบดี มาล้มทับชาวเกย์และเลสเบียนอย่างจัง!!!
 

Written by vw

November 6, 2008 at 02:52

Posted in Uncategorized

Tokyo Gadgets 2008

with 3 comments

 
ขอตอกย้ำว่ายังคงเป็นคนชอบของกะจุ๊กกะจิ๊กเสมอมา ด้วยของเกร๋ๆ ที่ได้มาจากทริปญี่ปุ่นครั้งที่ผ่านมา (ต้นเดือนกันยายนโน่นนน!!)
เลือกมาเฉพาะของจุ๊กจิ๊ก ที่ผ่านการเซ็นเซอร์มาหลายรอบ เลยเอามาลงเลท (มาก) เช่นนี้แล
 
 
ชิ้นแรกเนี่ยะ ภูมิใจเป็นพิเศษ เพราะมองมาตั้งแต่คราวมาญี่ปุ่นครั้งก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังกริ่งเกรงว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี
เนื่องจากก่อนหน้านั้นอีกที คนญี่ปุ่นมอบเตาอโรม่าแบบเสียบปลั๊กมาให้ แต่ปัญหาคือ มันใช้ไฟ 110W น่ะสิ
ตอนนี้จึงยังคงวางสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
 
คราวที่แล้วที่ MUJI เพิ่งนำเตาอโรม่าแบบพ่นควัน (ตั้งชื่อเองน่ะ) แต่ด้วยความที่ยังไม่มีอารมณ์ซื้อจริงๆ ก็เลยขอผ่าน
คราวนี้ขอไปสำรวจดูหน่อยเหอะ ปรากฏว่าใช้ไฟได้ตั้งแต่ 110 -220 W ก็เลยเกิดความอยาก อย่างแรง
เตาอโรม่าแบบพ่นควัน ชื่อก็บอกแล้ว เพียงแค่เติมน้ำตามขีดที่กำหนด หยดน้ำมันอโรม่า แล้วเลือกตั้งเวลา 60 – 30 – 15 นาที ตามชอบ
จากนั้นก็เปิดเครื่อง มันก็จะพ่นควันออกมาเรื่อยๆ ข้อดีคือเปิดปุ๊บ พ่นควันปั๊บ ได้กลิ่นหอมทันใจ ทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าไฟจะไหม้ เพราะใช้ไฟฟ้า
ไม่ต้องกลัวเปลือง เพราะจะปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดเวลา อยากต่อเวลาก็เติมน้ำเติมน้ำมันแล้วเปิดเครื่องใหม่
ที่สำคัญ สามารถเปิดแสงไฟได้ (ดังภาพ) เพิ่มความโรแมนติกสุดๆ
 
ตอนที่ไปโอซาก้า เขาโปรโมตเจ้าเตาหอมนี่อย่างหนักหน่วง จะไม่ให้พุ่งเข้าไปเป็นเจ้าของก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย
ใครชอบจุดเตาอโรม่า แนะนำเลยว่าเวิร์คมาก (เพราะตัวเองก็ชอบเหมือนกัน แต่กลัวไฟไหม้บ้าน เพราะกองหนังสือเยอะแยะ)
 
 
อันต่อมาสำหรับคนมีกิเลส แต่ไม่มีงบ และน่าจะสร้างความอิจฉาให้คนที่มีแต่ไม่รู้
เพราะนิตยสาร Numero Tokyo ตั้งแต่เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2008
เขาร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ ทำของแถมของที่ระลึกเป็นพิเศษ แนบมากับหนังสือเดือนนั้นๆ
 
 
ที่ฮือฮาไปทั่ววงการแฟชั่น ‘โลก’ เลยก็คือ ฉบับเปิดเทศกาลเดือนตุลาคม
(ที่ญี่ปุ่นจะวางจำหน่ายเดือนกันยายน เร็วกว่าปกหนังสือเดือนนึง อันเป็นปกติของหนังสือญี่ปุ่น)
เขาร่วมกับ Louis Vuitton นำลาย Monogramouflage อันเป็นลวดลายพรางทหารปั้มลายโมโนแกรม
อันเป็นการออกแบบร่วมกับ Takashi Murakami ศิลปินชาวญี่ปุ่น ที่คราวนี้ไม่ได้มาเป็นกระเป๋า เครื่องประดับ หรือผ้าพันคอ
หากมาเป็น Mousepad งานนี้แถมฟรี ไม่มีจำหน่ายแยก (เว้นแต่ใครจะเก็บไปประมูลบนอีเบย์)
แฟนๆ วิตตอง โดยเฉพาะลายโมโนแกรมมูแฟลก อาจจะเป็นเจ้าของไม่ครบชุด หากขาดเม้าส์แพดชิ่นนี้
 
สำหรับเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีของแถมเป็นพวงกุญแจเสร่อๆ ของ Mastermind แต่ถ้าเป็นสมาชิก จะได้หูฟังดีไซน์เก๋ของ Mastermind เช่นกัน
 
 
ชิ้นต่อมา ได้มาจากร้านเครื่องแต่งบ้าน franc-franc ก่อนหน้านี้ ต้องขอบอกว่าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเหยียบ เดินผ่านก็ไม่สนใจ
ทั้งๆ เปิดร้านแทบจะทิ่มหน้าบนชิบูยะ ก็แหม..ดูโน๊ะเนะเหลือเกิน ใครจะไปเดาได้ว่ามีอะไรซ่อนข้างใน ภาษาญี่ปุ่นก็อ่านไม่ออก
กระทั่งอ่านจากตำราท่องฮ่องกงของ พี่พลอย จริยะเวช นั่นแหละ ตามด้วยคำแนะนำจากพี่หมู อัญชลี เลยหายโง่
(ความจริงยังมีเรื่องโง่ๆ อีกมาก แต่ยังไม่ขอเล่า) ก็เลยแวะดูที่ฮ่องกงเป็นประเดิม
ซึ่งก็ไม่ได้รัก และก็ไม่ได้เกลียด เพราะคนละสไตล์ แต่ติดใจที่ว่ามีของกุ๊กกิ๊ก เก๋ๆ และเรียบๆ สีไม่หวานเว่อร์เหมือนของอื่นๆ
 
ซึ่งก็คือเหล่าสารพัดเครื่องเขียนนั่นเอง แต่แหมที่ฮ่องกงขายแพงเหลือใจ ด้วยความงกก็เลยขอรอไปดูที่ญี่ปุ่นละกัน
ว่าแล้วก็บุกไปที่สาขาชิบูยะ ดังที่บอกไปแล้ว ก็ต้องบอกว่าคิดถูกแล้วที่ไม่ซื้อที่ฮ่องกง เพราะออริจินัลเนี่ยะเด็ดจริง
ไม่เฉพาะเครื่องเขียน แต่บ้าบออะไรไม่รู้ก็น่าซื้อไปเสียทุกอย่าง
อ้อ… ลืมบอกไปว่าของที่ดูที่ฮ่องกงก็คือเม้าส์คอมพิวเตอร์ ตอนแรกดูไว้คนละอย่างกับบนรูป แต่หน้าตาคล้ายปาท่องโก๋
พอมาที่ญี่ปุ่น แหม…ทำไมมันมีสารพัดสารพัน เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ – ว่าแล้วก็เหลือบมาเห็นก้อนอะไรกลมๆ เล็กๆ อยู่ตรงหน้า
โอ้ววว เป็นเม้าส์ไร้สายอันกระจิ๋ว จิ๋วเดียวจริงๆ ขนาดประมาณขนมถ้วยได้ (มีให้เลือก 2 – 3 สี ประมาณ ดำ ขาว และช้อกกิ้งพิงค์)
ยังไม่จบ ..เพราะเดินไปอีกนิด ก็เจอเมาส์แพด ที่มีแบบและขนาดเข้ากันกับเม้าส์ที่เล็งไว้พอดี ก็เสร็จข้าพเจ้าน่ะสิ
ราคารวมแล้วก็ไม่แพงเลย (แน่หรอ)
 
 
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เหมาเข่งซื้อ Puti Puti หรือเกมจำลองแผ่นกันกระแทก
เอาไว้สำหรับผ่อนคลาย คลายเครียด และเอาใจคนที่ชอบบีบปุ่มกันกระแทกทั้งหลาย
เมื่อครั้งเปิดตัว ปุติ ปุติ ขายดีจัด และขายดีอยู่หลายเดือน จนกระทั่งเลยปีใหม่ไปได้สักระยะจึงค่อยๆ ซบเซา
ว่าแล้วเมื่อไม่นานก่อนหน้าที่จะไปญี่ปุ่น เขาอัพเกรดปุติ ปุติ ด้วยการกดๆๆๆๆๆ กดไปเรื่อยๆ
ตามปกติเมื่อกดไปเรื่อยๆ ครบตามที่เขาตั้งค่าไว้ จะมีเสียงแปลกๆ ออกมาให้เป็นของกำนัลกันเบื่อ
คราวนี้ เวอร์ชั่นล่าสุด จะกลายเป็นเสียงสาวๆ พูดอะไรสักอย่าง ซึ่งแปลไม่ออก เพราะเธอเป็นสาวญี่ปุ่น
เวอร์ชั่นที่ซื้อมา เป็นเวอร์ชั่นเมตสาว เขามีให้เลือกอาชีพของเจ้าหล่อนอีกหลายแบบเชียว
 
เวอร์ชั่นต่อไป เป็นเมเจอร์เช้งจ์ ด้วยรูปแบบที่เลียนแบบการฉีกรอยปรุของซองจดหมาย (นึกออกมั้ยนะ)
วางขายกลางเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วจ้ะ
 
 
สำหรับแฟนๆ แชมพู และครีมนวด Tsubaki ที่แม้ตอนนี้จะมีแชมพูพรีเมี่ยมออกมาแข่ง ทั้ง Asience ของคาโอ หรือ VS ของวิดัล แซสซูน เป็นต้น
กระนั้น สึบากิ แชมพูสูตรส่วนผสมน้ำมันดอกสึบากิ จากชิเซโด้ ก็ยังครองอันดับหนึ่งของตลาดแชมพูพรีเมี่ยมในญี่ปุ่น เรื่อยมานับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อสองปีที่แล้ว
ตอนนี้เอาใจคนชอบแบกกลับกรุงเทพ ด้วยการออกเวอร์ชั่น refill หลังจากให้คู่แข่งออกเวอร์ชั่นเติม ไปก่อนหน้า
ราคาก็ถูกกว่า ปริมาณก็เท่ากัน แถมเบากว่า เพราะไม่หนักขวด ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ซื้อกลับมาหลายๆ ซอง …หุหุ
 
 
อันที่จริงกั๊ดเจ็ด จะยังไม่หมดเท่านี้ แต่ขอเก็บไว้เขียนต่างหากในตอนต่อไป
เพราะภูมิใจนำเสนอ และดีใจยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเสียที
 
อีกอย่าง ช่วงนี้เริ่มอยู่ในอารมณ์ขี้เกียจระบายบล็อกอีกแล้ว จึงขอเขียนอะไรสั้นๆ ง่ายๆ
และมีเรื่องตุนไว้เขียนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะได้ไม่หายหน้ากันไปนาน
 
นะจ้ะ ขยิบตา
 
 
อัพเดต: ช่วงเดือนนี้คงไม่หนีออกไปเที่ยวกลางคืนแล้ว ก็คงมีเวลาและไม่ขี้เกียจเขียนบล็อกแล้ว (มั้ง!!)
 

Written by vw

November 2, 2008 at 15:22

Posted in Entertainment