maison vw

rest sit and relax

Archive for the ‘soap opera’ Category

Emergency Situation

leave a comment »

 
ไม่ได้จะว่าใคร อะไร ยังไง เพราะเบื่อ!! (โอเคนะ??)
 
แค่อยากเขียนไว้เป็นบันทึก เมื่อคราวไปกรุงโตเกียว คือเมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา
ประเด็นเริ่มที่ มีผู้หวังดีส่ง sms มายังทีมผู้เดินทาง
ว่าเมื่อคืนมีการใช้กำลัง มีผู้เสียชีวิต
และที่สำคัญ ตอนนี้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน!!!
 
สื่อทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ต่างประเทศ และญี่ปุ่น รายงานข่าวเอิกเกริก
ข่าวมีสองเรื่องเท่านั้น คือตีกันแล้วมีคนตาย และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เท่านั้นจริงๆ ไม่มีการอัพเดตใดๆ เพราะจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
 
แต่สำหรับผู้คนที่ทราบข่าว และเมื่อรู้ว่าเรามาจากประเทศไทย
จึงเป็นเรื่องประหลาดล้ำ จึงรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด
ทุกคนก็ถามถึง และต่างก็พูดกันอย่างน่าสะพึงกลัว
 
"มีคนตาย"
"มีเหตุการณ์รุนแรง"
 
เข้าใจเลยว่าทำไมนักวิเคราะห์ข่าวบ้านเรา หรือผู้รู้ต่างๆ ถึงต้องการให้เลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็ว
ง่ายๆ เลย ค่าเงินตอนเดินทางไปญี่ปุ่น (1 กันยายน) 100 เยน = 31.20 บาท
กลับกรุงเทพ (7 กันยายน) ค่าเงิน 100 เยน = 32 บาท
 
ความรู้สึกหลังจากได้รับข้อความตอนสายๆ ถึงเหตุการณที่ผ่านมา ก็คือ
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? บ้านเมืองเป็นงัยกันแล้ว? จะกลับบ้านได้มั้ย? จะมีใครมาปิดสุวรรณภูมิมั้ย?
ด้วยความที่ไม่ได้นั่งหน้าจอทีวี เพราะอยู่ต่างประเทศ ก็เลยต้องคอยไถ่ถามจากคนที่กรุงเทพ
ครั้นจะถามบ่อยๆ นอกจากทำให้ปลายสายรำคาญ ก็จะเสียเงินค่าโทรโดยใช่เหตุ
 
นึกไปถึงตัวเอง เป็นทอม แฮงก์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Terminal คือกลับบ้านเกิดไม่ได้
..และราวกับรู้ใจ วันเสาร์ที่ 6 ทีวีญี่ปุ่นก็เอาเรื่องนี้มาฉาย
 
บ่ายๆ เย็นๆ หลังจากทราบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น (วันรุ่งขึ้นก็ไม่แน่) ก็ต้องทำหน้าที่ตอบคำถามกับแทบทุกคนที่เจอหน้า
กระทั่งนั่งแท็กซี่ แท็กซี่ยังหันมาถาม และเล่าให้ฟังว่า "มีคนตายด้วยนะ"
จนต้องเลี่ยงด้วยมุกตลกฝืดๆ ว่า "ไอ แอม ฟรอม จาไมก้า" ให้มันรู้แล้วรู้รอด
ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ขำ เพราะไม่อยากตอบ
ที่ไม่อยากตอบ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเกิดอะไรในบ้านเรา
เพราะคนไทยเองก็ยังงง มันดูลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันเสียจริง
 
ก็เหมือนเราๆ นี่แหละ เวลาได้ยินข่าวบ้านไหนเมืองไหน เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น
ก็รับความแค่ว่า มันรุนแรงแล้วนะ น่ากลัวจัง ฯลฯ
ทั้งที่จริงก็อาจเหมือนบ้านเราก็ได้
แต่ก็นะ ทำให้รู้ว่า เรื่องแบบนี้มันส่งผลต่อความรู้สึกของชาวต่างชาติ
ที่สุดก็ย้อนกลับมาหาเรา
 
อะไรน่ะหรอ
ใครๆ ก็คงตอบกันได้มั้ง
 
นี่กำลังเขียนเรื่องซีเรียสอยู่นะนาย!!!
 

Written by vw

September 15, 2008 at 18:23

Posted in soap opera

คนรัก และคนที่รัก (5)

with 4 comments

ในชีวิตที่รักและถูกรัก ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดี เป็นคนโดนทิ้ง ไปเสียทุกรอบ
เป็นคนเลวก็ได้อยู่ แถมยังเป็นคนเลวได้โล่เลยล่ะ
 
เคยคบคนๆ หนึ่ง ก็เป็นเด็กเรียนใช้ได้
เหตุเกิดมาจากเขามาชอบ
ก็เลยตามเลย มีคนชอบก็ดีใจ
ก็เลยคบกันไปสักพัก
 
ระหว่างนั้นเกิดคำถามกับตัวเองว่า
เราชอบที่จะรักคนอื่น หรือชอบให้คนอื่นรักกันแน่
คิดไปมาหลายตลบ
ก็เลยคิดว่าคงเป็นคนที่ชอบจะรักคนอื่น มากกว่าให้คนอื่นมารัก
เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าคนๆ นี้คือคนที่ชอบจริงๆ ไม่ใช่จำใจชอบ
หรือถ้ามีคนมารัก ก็ต้องดูด้วยว่า ผมรักเขาหรือเปล่า
 
เรื่องนี้ก็เช่นกัน
ความรู้สึกที่มีให้แก่เขามันน้อยลง จนไม่รู้ว่าคบเพื่ออะไร
หรือคบกันเพราะอารมณ์พาไปก็ไม่แน่ใจล่ะ
รู้แค่ว่า วันหนึ่ง
ก็ไปเที่ยวด้วยกันตามปกติ
 
แต่วันนี้เจอคนที่ชอบคนหนึ่งในที่เที่ยวนั่นแหละ
ทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ ก็เข้าไปกอดจูบกะเขาซะงั้น
แย่ที่สุดก็คือ ทำต่อหน้าคนที่ไปด้วยน่ะสิ
แน่นอน เขาก็อึ้งไป
สุดท้ายก็จากกันไปตั้งแต่วันนั้น แบบเงียบๆ ไม่ต้องพูด หรือทะเลาะกัน
แล้วคบกับคนที่เจอกันวันนั้น
 
รวดเร็วดีมั้ย
 
ในมุมหนึ่ง ผมไม่โทษตัวเอง
เพราะตั้งแต่แรก มันไม่ได้เกิดจากการชอบกันระหว่างคนสองคน
ปรบมือข้างเดียวจึงไม่ดัง
อาจจะเป็นเพราะช่วงน้นรู้สึกเหงา
ไม่มีใคร และต้องการใครก็ได้สักคน
และก็พอดีกับที่เขาเข้ามาในชีวิต
เหมือนจะได้ไปแค่ตัว แต่ใจก็ไม่ยักจะผูกพันเท่าไหร่
 
แต่อีกใจหนึ่งก็นะ เป็นใครทำตัวแบบนี้ก็เลวละ
จะขอโทษสักหมี่นครั้งก็คงไม่พอกับที่ได้ทำลงไป
 
ไม่คบกันตั้งแต่แรกน่าจะดีกว่า
 
ตั้งแต่นั้น ก็มักจะเลือกคนที่ชอบมากกว่าให้คนเข้ามาชอบเรา
แต่อย่างว่านะ เราชอบเขา ใช่ว่าเขาจะต้องชอบเราด้วย
เขาคนนั้นๆ ก็อาจจะคิดแบบเดียวกับเราเหมือนกัน
 
แต่ก็ไม่ย่อท้อหรอกนะ เพราะของแบบนี้
ไขว่คว้าหามากไปก็จะหน้ามืดตามัว คล้ายจะเป็นลม
ไม่ได้ก็จะทรมานว่าไม่มีใคร ทั้งที่จริงไอ้คนที่จะเป็นเนื้อคู่กัน ยังไงก็ต้องเจอกัน
แล้วไอ้ที่ไขว่คว้าแล้วไม่ลืมหูลืมตาเลือกมา ถ้าได้มาดีก็ดีไป ถ้าได้มาแย่ก็จะซวยสุดๆ
นั่นเพราะ ถ้าคนมันเลวใส่เรา ผู้ซึ่งกำลังหลับหูหลับตา ขอแค่ให้ได้มีแฟน หรือคนรู้ใจ
มันก็จะยิ่งซวยไปกันใหญ่
 
แต่ก็ใช่ว่าจะยืนนิ่งๆ ออกจากบ้าน ทำงาน กินข้าว กลับบ้าน
ใช้ชีวิตเดิมเป็นเครื่องจักร ซึ่งถ้าไม่ได้กับ รปภ ออฟฟิต ก็คงได้กะตัวอะไรสักตัวในออฟฟิต หรือระหว่างกลับบ้าน
 
คงต้องออกไปข้างนอก เปลี่ยนสถานที่จำเจ เปลี่ยนแปลงตัวเอง
พบคนใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ทำอะไรใหม่ๆ
คนที่เป็นเนื้อคู่ ซึ่งบางทีอาจะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ทำงานออฟฟิตติดกัน
ซึ่งถ้าไม่มาออฟฟิตอีกทางหนึ่ง ชาตินี้ก็คงจะไม่เจอ เพราะไม่ใช่ทางเดียวกับที่เขามา
 
บางทีความรักมันก็อยู่ใกล้
จนเราอาจมองข้ามมันไป

Written by vw

October 3, 2007 at 18:16

Posted in soap opera

คนรัก และคนที่รัก (4)

with 2 comments

เป็นคนที่ผมรักอีกคนหนึ่ง
รักแบบพี่แบบน้องนะ
แต่ทว่าก็เกิดจากรักจนได้สิน่า!!
 
ถ้าจำไม่ผิด รู้จักกับน้องคนนี้ที่งานเปิดอัลบั้มมาดอนน่า
แต่งตัวร่วมประชันกับคนอื่นๆ และตอบคำถามได้อย่างตลกโปกฮา
นี่คือความน่ารักของเขา
ซึ่งชอบ และอยากรู้จัก
ไปๆ มาๆ ก็ได้รู้จัก
รู้สึกดียิ่งและโชคดีจริงๆ ที่ได้รู้จัก
 
ทำให้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่มีหัวใจใสบริสุทธิ์ และจริงใจกับทุกคน
 
จนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะถูกทำร้ายได้ง่ายๆ
 
จากที่จะจีบ ไปๆ มาๆ อีกนั่นแหละ ก็กลายเป็นพี่น้องซะงั้น
ด่ามันตลอด
เพราะมันชอบแนะนำอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าให้เรื่อยเลย
อย่างเช่น จู่ๆ ก็แนะนำใครก็ไม่รู้ให้
ทั้งๆ ที่น้องกับคนๆ นั้นก็เคยกิ๊กกันมาก่อน
ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงสามคนนัวเนียกัน
 
ได้รู้จักน้องคนนี้ แล้วมีแต่เรื่องตลก เรื่องสนุก และเรื่องประทับใจ
ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะมันคงไม่ดีสำหรับเขา
เพราะเราคงไม่ดีพอที่จะอยู่กับคนที่มีหัวใจที่สดใส และบริสุทธิ์เช่นนี้
จึงเป็นน้องที่แสนดี และรักน้องคนนี้มาตลอด
 
เขายังเป็นจุดเริ่มของการได้รู้จักคนที่ผมรัก
เขาเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนๆ น้องๆ ที่น่ารักอีกหลายคน
(ที่เริ่มต้นจากการหมั่นไส้ใครบางคนในกลุ่ม)
และเรื่องราวต่างๆ คนรอบข้างที่ผมได้รู้จัก
ต่างก็เริ่มต้นมาจากเขา ไม่ทางใดทางหนึ่ง
 
เพราะเขาเป็นคนที่ใครๆ ก็รัก เมื่อได้รู้จัก
และใครๆ ต่างก็อยากรู้จัก
ผมก็เป็นคนหนึ่งในนั้น
เขาเป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดสำหรับผม
 
ถือว่าใครเกลียดเขา หรือเขาเกลียดใคร
ให้คิดได้เลยว่าเป็นคนที่โลกไม่รัก
 
ผมไม่เคยรักใครแบบน้อง เท่ากับน้องแท้ๆ อย่างเขา
จนถ้าไม่เอ่ยถึงเขาในซีรียส์นี้ก็จะไม่สมบูรณ์แน่ๆ
ผมคิดและเคารพมาตลอด ว่าเขาคือคนที่เติมเต็มชีวิตของผม
โดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนรัก
 
เขาเป็นห่วงเป็นใยผมเสมอ
ถ้าวันไหนเขารู้ว่าผมรู้สึกแย่ เขาก็มักให้กำลังใจ (แม้จะแอบเซ็งๆ บ้าง)
เขาชอบให้ผมวิจารณ์การแต่งตัว (และแต่งหน้า)
ซึ่งจริงๆ อยากบอกกับเขาว่า จะแต่งตัวขำ ไม่ขำ จะน่ารัก จะดูดี จะแปลกๆ ฯลฯ
ก็ไม่เท่ากับเขาคือตัวเขาเอง
ที่ไม่เคยทำร้ายใคร แม้กระทั่งการจะทำร้ายจิตใจใครๆ
 
ทุกวันนี้ ผมไม่เคยลืมความสดใส สนุกสนานของเขา
ทุกวันปีใหม่ ผมก็จะนึกถึงเขาไปพร้อมๆ กันเสมอ
เพราะถัดจากปีใหม่ ไม่กี่วัน ก็คือวันเกิดของเขา
 
ตอนนี้คงแกไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ 27 แล้วนะเมิง อีกไม่กี่เดือนแกก็จะ 28 แล้วนะ
รู้จักกันตั้งแต่ยังเรียนมัธยมอยู่เลยนิ
 
คิดถึงนะ
ไอ้หัวสัปปะรด

Written by vw

October 2, 2007 at 15:55

Posted in soap opera

คนรัก และคนที่รัก (3)

with 2 comments

ผมรักคนคนหนึ่ง
รู้สึกจะเป็นคนแรกที่ ‘รัก’ ตั้งแต่แรกเห็น
คือเริ่มตั้งแต่สเป็ก
นิสัยก็ตลกดี มีสาระด้วย
ความจริง เขาก็ดูจะธรรมดาในสายตาของใครหลายๆ คน
แต่ไม่รู้ล่ะ เขาคือคนพิเศษมากๆ สำหรับผม
 
มีไม่กี่คนในโลก ที่จะเป็นคนในฝันสำหรับเรา
ที่สำคัญ คนที่จะได้รู้จักกันคนพิเศษเช่นนั้น ก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปอีก
 
เพราะ "คนที่ใช่สำหรับเรา
ไม่จำเป็นต้องใช่สำหรับเขา"
 
คงไม่แปลกอะไร ที่จะหลงใหลอย่างที่สุด
บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงหลงอะไรได้มากมายขนาดนี้
คนรอบข้าง เพื่อนผม เพื่อนเขาก็จะรู้ดี บ้างก็ทำหน้าเซ็ง
"เมิงจะเพ้อเจ้อไปแระ!"
 
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนั้นเขามีแฟนอยู่แล้วน่ะสิ
บางครั้งความท้าทาย ก็เหมือนจะเป็นเสน่ห์ให้เราได้พิชิต
มันน่าหลงใหลกว่าการเจอกัน แล้วรักกัน …จบ
…มันจะไปสนุกอะไรกับการต้องได้มาด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา
ก็เลยรู้สึกทั้งหลงรัก และท้าทาย
 
โชคดี และรู้สึกขอบคุณทุกครั้งที่นึกถึง
ที่เขามอบโอกาสให้ผมได้รู้จักเขา
แม้จะต้องรู้จักกันแบบเปิดๆ ปิดๆ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้รู้จักกัน
แค่การได้รู้จักกันมากกว่าปกติ ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม
ไม่เห็นต้องการอะไรอีก ถ้าเราได้ในสิ่งที่เราพอใจที่สุดแล้ว
 
ความกังวลใจหนึ่งก็คือ
ความคิดที่ว่า หากคนที่เรารัก มีใครอยู่แล้ว
หากเขาเลิกกับคนที่เขาคบอยู่ ความรู้สึกมักจะเหมิอนต้องการเริ่มต้นใหม่หมด
ผมไม่รู้เขาคิดเช่นนั้นหรือเปล่า แต่ผมคิดเสมอ
เหมือนเวลาที่เราเหนื่อยล้า
เราอยากพัก อยากหยุดทุกสิ่งอย่าง
หัวใจก็คงเหมือนกัน เมื่อมันล้า มันก็คงอยากปล่อยให้ใจว่าง
 
ที่เล่ามาก็จะบอกว่า ท้ายที่สุด เขาก็ได้เป็นเพียงคนที่ผมรักมาก
แต่เห็นผลที่ทำให้กลายเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะเขาต้องการปล่อยวาง
หลังจากห่างกันไปนาน เขาบอกให้รู้วในทำนองว่า …
 
คำว่ารัก ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยคำพูดเสมอไป
ที่เขาได้รับ คือคำว่ารักเรื่อยมา จนเขารู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับเขา
 
ผมก็ว่าจริง รักมากไปก็น่าเบื่อ โดยเฉพาะคำพูดว่า รักๆๆๆๆๆ
พูดมากไปก็น่าเบื่อเช่นกัน พาลให้สิ่งที่เราแสดงออกว่ารัก ถูกลดค่าด้วยคำรักที่มากมายเกินไป
ผมคิดต่อไปเองว่า
มันยังแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ
เหมือนต้องฝากความรักเอาไว้กับเขา
ขาดเขาไม่ได้
ในเมื่อเรายังรักตัวเองไม่ได้
แล้วจะมีปัญญาอะไรไปรักใครอื่น
 
คงไม่ต้องถามว่าหลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นกับผม
เวลาผ่านไป ผมก็ได้แต่หวังลึกๆ (มากกก) ว่าสักวันเขาคงเห็นอะไรสักอย่าง (อย่างเลื่อนลอย) แล้วกลับมา
เวลาผ่านไป ผมเริ่มคิดว่า การรักใครสักคน ไม่จำเป็นหรอก ว่าจะต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เวลาผ่านไป ผมเรียนรู้ว่า แค่ความหวังดี ที่มีให้เสมอมา และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ก็เพียงพอให้เขาได้รู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน
 
วันหนึ่งเขามีปัญหาในใจ
และเขายอมที่จะให้เรารู้ถึงปัญหา
จึงให้ความเห็นไปตามที่จะให้ได้
เขากล่าวว่า "ไม่อยากเป็นคนไม่ดีในสายตาพี่"
 
ขอบคุณครับ
คุณคือคนที่ผมรักที่สุดเสมอ

Written by vw

October 1, 2007 at 18:29

Posted in soap opera

คนรัก และคนที่รัก (2)

with 2 comments

เห็นใครสักคน รักคนอื่นคนหนึ่งหัวปักหัวปำ
ใจหนึ่งก็รำคาญ
แต่อีกใจหนึ่งก็เห็นใจ
 
เวลาเรารักใครสักคน
โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์แย่ๆ และโง่ๆ
หรือคนที่มักทุ่มให้กับความรัก
มักทำใจไม่ได้ ถ้าจะต้องแข็งใจ หรือใจแข็ง
กับการร้างลา
 
เพราะเคยเป็นแบบนั้น ไม่แตกต่างกัน
เป็นช่วงแรกๆ ที่มีประสบการณ์รัก
เฝ้าคิดไปเองว่าเขาชอบด้วย
เหมือนต้องตามง้อตามงอน
เพื่อไม่ให้เขาจากไป
 
แต่วันหนึ่งก็ต้องพบความจริง
ว่าที่ผ่านมานั้นไม่มีค่าอะไรเลย
ท้ายที่สุดก็ตาสว่าง แบบฟ้าผ่า
ตอนนั้นก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ใจแข็ง ใจแกร่ง
แต่ลึกๆ แล้วแทบจะบ้า
 
ตอนนั้นรู้จักกะน้องคนหนึ่ง
เพิ่งอกหักมาหมาดๆ เหมือนกัน
ก็เลยคุยกันถูกคอ
ไปเที่ยวกะมันด้วยกัน
ช่วงนั้นไปไหนมาไหนกะไอ้น้องคน
ไม่ว่าจะกินข้าว ดูหนัง เที่ยวเล่น
จนทุกคนฟันธงว่าเมิงสองคนเป็นแฟนกันแน่ๆ
 
ตอนไปเที่ยว แยกกันอยู่คนละที่
มีคนเข้ามาคุยกะไอ้น้องคนนี้ …ประมาณว่าจะจีบ
เขาถามไอ้น้องว่า "คุยกะผมแล้วแฟนไม่ว่าหรอครับ"
ประโยคที่ไอ้น้องมาเล่าให้ฟัง ยังจำติดหู
 
ล่าสุด มันก็มาเล่าตอกย้ำความใช่
ด้วยเพื่อนแฟนเก่าของมัน
เล่าๆ เม้าท์ๆ (จำใจความไม่ได้ล่ะ แต่ก็ประมาณว่า) ว่า ตอนนั้น เห็นมันไปไหนมาไหนกะแฟน
ซึ่งก็คือกรูน่ะเอง
มันก็มาด่าใหญ่ว่าเพราะไปไหนมาไหนกะหล่อน เลยปิดโอกาส ‘ได้’ ของมันเลย
 
ซึ่งขอเถียงขาดใจว่า ที่จำได้ เมิงก็ยังได้เรื่อยๆ
 
กลับมาที่เรื่องราวหลังจากอกหัก ตาสว่าง
ก็ไปเที่ยวกะไอ้น้องคนที่ว่านี่
"เมา กรูต้องเมา"
แล้วกรูก็เมาสมใจ
จำได้ว่าแดกน๊อกเอ้าต์ไปประมาณ 4-5 แก้ว
ก็น๊อคสมใจ
ตายคาส้วมที่คอฟฟี่โซไซตี้
น๊อดอยู่ในห้องน้ำแบบปิดสนิท
เขาต้องพังประตูเข้ามาเพื่อลากอีนี่กลับบ้าน
เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว …จนทุกวันนี้
 
เลยสาบานเอาไว้ว่า
อย่าทำอะไรโง่ๆ แบบนี้อีก
เมามายเหมือนหมา เพื่ออะไร
หายเมาก็กลับมาเซ็ง แถมเซ็งหนักเพราะก่อเรื่องน่าอาย
ถามว่า แล้วไอ้คนที่จากเราไป เขาจะเห็นใจเรามั้ย
เขาจะกลับมาหาเรามั้ย
คำตอบคือ ‘ไม่’
 
ถ้าจะเมานับแต่นั้น ขอเมาเพราะสนุกสนานดีกว่า
อย่างน้อยก็สนุกกับการเมา ไม่ใช่เพราะประชดแบบลมๆ แล้งๆ
 
หันกลับมามองตัวเอง รักตัวเอง
ไม่ขอทำอะไรที่ต้องทำให้ตัวเองน่าสมเพศอีกแล้ว
โดยเฉพาะเรื่องรัก

Written by vw

October 1, 2007 at 05:20

Posted in soap opera