maison vw

rest sit and relax

Archive for the ‘Entertainment’ Category

smile

leave a comment »

 
 
 
ฟังข่าวเขาเรียกปรากฏการณ์ดวงจันทร์ ดาวศุกร์ และดาวพฤหัส อยู่ใกล้ชิดกันว่า
"ดาวเคียงเดือน"
 
เห็นเขามุงดู และถ่ายภาพกันบน sky walk ก็เลยไปดูบ้าง
ไม่เห็น ก็คงยิ้มตามไม่ออก
แต่พอเห็นพลันเกิดรอยยิ้มตามอย่างดวงจันทร์และดวงดาว
ยิ้มตามเองโดยอัตโนมัติ
 
ดวงจันทร์ = moon
ดาวศุกร์ = venus
ดาวพฤหัส = jupiter
 
ผู้ชาย ผู้หญิง และดวงจันทร์
 
 
 
 
 

Smile though your heart is aching
Smile even though its breaking
When there are clouds in the sky, youll get by
If you smile through your fear and sorrow
Smile and maybe tomorrow
Youll see the sun come shining through for you

Light up your face with gladness
Hide every trace of sadness
Although a tear may be ever so near
Thats the time you must keep on trying
Smile, whats the use of crying?
Youll find that life is still worthwhile
If you just smile

Thats the time you must keep on trying
Smile, whats the use of crying?
Youll find that life is still worthwhile
If you just smile

Written by vw

December 2, 2008 at 01:36

Posted in Entertainment

Tokyo Gadgets 2008

with 3 comments

 
ขอตอกย้ำว่ายังคงเป็นคนชอบของกะจุ๊กกะจิ๊กเสมอมา ด้วยของเกร๋ๆ ที่ได้มาจากทริปญี่ปุ่นครั้งที่ผ่านมา (ต้นเดือนกันยายนโน่นนน!!)
เลือกมาเฉพาะของจุ๊กจิ๊ก ที่ผ่านการเซ็นเซอร์มาหลายรอบ เลยเอามาลงเลท (มาก) เช่นนี้แล
 
 
ชิ้นแรกเนี่ยะ ภูมิใจเป็นพิเศษ เพราะมองมาตั้งแต่คราวมาญี่ปุ่นครั้งก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังกริ่งเกรงว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี
เนื่องจากก่อนหน้านั้นอีกที คนญี่ปุ่นมอบเตาอโรม่าแบบเสียบปลั๊กมาให้ แต่ปัญหาคือ มันใช้ไฟ 110W น่ะสิ
ตอนนี้จึงยังคงวางสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
 
คราวที่แล้วที่ MUJI เพิ่งนำเตาอโรม่าแบบพ่นควัน (ตั้งชื่อเองน่ะ) แต่ด้วยความที่ยังไม่มีอารมณ์ซื้อจริงๆ ก็เลยขอผ่าน
คราวนี้ขอไปสำรวจดูหน่อยเหอะ ปรากฏว่าใช้ไฟได้ตั้งแต่ 110 -220 W ก็เลยเกิดความอยาก อย่างแรง
เตาอโรม่าแบบพ่นควัน ชื่อก็บอกแล้ว เพียงแค่เติมน้ำตามขีดที่กำหนด หยดน้ำมันอโรม่า แล้วเลือกตั้งเวลา 60 – 30 – 15 นาที ตามชอบ
จากนั้นก็เปิดเครื่อง มันก็จะพ่นควันออกมาเรื่อยๆ ข้อดีคือเปิดปุ๊บ พ่นควันปั๊บ ได้กลิ่นหอมทันใจ ทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าไฟจะไหม้ เพราะใช้ไฟฟ้า
ไม่ต้องกลัวเปลือง เพราะจะปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดเวลา อยากต่อเวลาก็เติมน้ำเติมน้ำมันแล้วเปิดเครื่องใหม่
ที่สำคัญ สามารถเปิดแสงไฟได้ (ดังภาพ) เพิ่มความโรแมนติกสุดๆ
 
ตอนที่ไปโอซาก้า เขาโปรโมตเจ้าเตาหอมนี่อย่างหนักหน่วง จะไม่ให้พุ่งเข้าไปเป็นเจ้าของก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย
ใครชอบจุดเตาอโรม่า แนะนำเลยว่าเวิร์คมาก (เพราะตัวเองก็ชอบเหมือนกัน แต่กลัวไฟไหม้บ้าน เพราะกองหนังสือเยอะแยะ)
 
 
อันต่อมาสำหรับคนมีกิเลส แต่ไม่มีงบ และน่าจะสร้างความอิจฉาให้คนที่มีแต่ไม่รู้
เพราะนิตยสาร Numero Tokyo ตั้งแต่เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2008
เขาร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ ทำของแถมของที่ระลึกเป็นพิเศษ แนบมากับหนังสือเดือนนั้นๆ
 
 
ที่ฮือฮาไปทั่ววงการแฟชั่น ‘โลก’ เลยก็คือ ฉบับเปิดเทศกาลเดือนตุลาคม
(ที่ญี่ปุ่นจะวางจำหน่ายเดือนกันยายน เร็วกว่าปกหนังสือเดือนนึง อันเป็นปกติของหนังสือญี่ปุ่น)
เขาร่วมกับ Louis Vuitton นำลาย Monogramouflage อันเป็นลวดลายพรางทหารปั้มลายโมโนแกรม
อันเป็นการออกแบบร่วมกับ Takashi Murakami ศิลปินชาวญี่ปุ่น ที่คราวนี้ไม่ได้มาเป็นกระเป๋า เครื่องประดับ หรือผ้าพันคอ
หากมาเป็น Mousepad งานนี้แถมฟรี ไม่มีจำหน่ายแยก (เว้นแต่ใครจะเก็บไปประมูลบนอีเบย์)
แฟนๆ วิตตอง โดยเฉพาะลายโมโนแกรมมูแฟลก อาจจะเป็นเจ้าของไม่ครบชุด หากขาดเม้าส์แพดชิ่นนี้
 
สำหรับเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีของแถมเป็นพวงกุญแจเสร่อๆ ของ Mastermind แต่ถ้าเป็นสมาชิก จะได้หูฟังดีไซน์เก๋ของ Mastermind เช่นกัน
 
 
ชิ้นต่อมา ได้มาจากร้านเครื่องแต่งบ้าน franc-franc ก่อนหน้านี้ ต้องขอบอกว่าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเหยียบ เดินผ่านก็ไม่สนใจ
ทั้งๆ เปิดร้านแทบจะทิ่มหน้าบนชิบูยะ ก็แหม..ดูโน๊ะเนะเหลือเกิน ใครจะไปเดาได้ว่ามีอะไรซ่อนข้างใน ภาษาญี่ปุ่นก็อ่านไม่ออก
กระทั่งอ่านจากตำราท่องฮ่องกงของ พี่พลอย จริยะเวช นั่นแหละ ตามด้วยคำแนะนำจากพี่หมู อัญชลี เลยหายโง่
(ความจริงยังมีเรื่องโง่ๆ อีกมาก แต่ยังไม่ขอเล่า) ก็เลยแวะดูที่ฮ่องกงเป็นประเดิม
ซึ่งก็ไม่ได้รัก และก็ไม่ได้เกลียด เพราะคนละสไตล์ แต่ติดใจที่ว่ามีของกุ๊กกิ๊ก เก๋ๆ และเรียบๆ สีไม่หวานเว่อร์เหมือนของอื่นๆ
 
ซึ่งก็คือเหล่าสารพัดเครื่องเขียนนั่นเอง แต่แหมที่ฮ่องกงขายแพงเหลือใจ ด้วยความงกก็เลยขอรอไปดูที่ญี่ปุ่นละกัน
ว่าแล้วก็บุกไปที่สาขาชิบูยะ ดังที่บอกไปแล้ว ก็ต้องบอกว่าคิดถูกแล้วที่ไม่ซื้อที่ฮ่องกง เพราะออริจินัลเนี่ยะเด็ดจริง
ไม่เฉพาะเครื่องเขียน แต่บ้าบออะไรไม่รู้ก็น่าซื้อไปเสียทุกอย่าง
อ้อ… ลืมบอกไปว่าของที่ดูที่ฮ่องกงก็คือเม้าส์คอมพิวเตอร์ ตอนแรกดูไว้คนละอย่างกับบนรูป แต่หน้าตาคล้ายปาท่องโก๋
พอมาที่ญี่ปุ่น แหม…ทำไมมันมีสารพัดสารพัน เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ – ว่าแล้วก็เหลือบมาเห็นก้อนอะไรกลมๆ เล็กๆ อยู่ตรงหน้า
โอ้ววว เป็นเม้าส์ไร้สายอันกระจิ๋ว จิ๋วเดียวจริงๆ ขนาดประมาณขนมถ้วยได้ (มีให้เลือก 2 – 3 สี ประมาณ ดำ ขาว และช้อกกิ้งพิงค์)
ยังไม่จบ ..เพราะเดินไปอีกนิด ก็เจอเมาส์แพด ที่มีแบบและขนาดเข้ากันกับเม้าส์ที่เล็งไว้พอดี ก็เสร็จข้าพเจ้าน่ะสิ
ราคารวมแล้วก็ไม่แพงเลย (แน่หรอ)
 
 
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เหมาเข่งซื้อ Puti Puti หรือเกมจำลองแผ่นกันกระแทก
เอาไว้สำหรับผ่อนคลาย คลายเครียด และเอาใจคนที่ชอบบีบปุ่มกันกระแทกทั้งหลาย
เมื่อครั้งเปิดตัว ปุติ ปุติ ขายดีจัด และขายดีอยู่หลายเดือน จนกระทั่งเลยปีใหม่ไปได้สักระยะจึงค่อยๆ ซบเซา
ว่าแล้วเมื่อไม่นานก่อนหน้าที่จะไปญี่ปุ่น เขาอัพเกรดปุติ ปุติ ด้วยการกดๆๆๆๆๆ กดไปเรื่อยๆ
ตามปกติเมื่อกดไปเรื่อยๆ ครบตามที่เขาตั้งค่าไว้ จะมีเสียงแปลกๆ ออกมาให้เป็นของกำนัลกันเบื่อ
คราวนี้ เวอร์ชั่นล่าสุด จะกลายเป็นเสียงสาวๆ พูดอะไรสักอย่าง ซึ่งแปลไม่ออก เพราะเธอเป็นสาวญี่ปุ่น
เวอร์ชั่นที่ซื้อมา เป็นเวอร์ชั่นเมตสาว เขามีให้เลือกอาชีพของเจ้าหล่อนอีกหลายแบบเชียว
 
เวอร์ชั่นต่อไป เป็นเมเจอร์เช้งจ์ ด้วยรูปแบบที่เลียนแบบการฉีกรอยปรุของซองจดหมาย (นึกออกมั้ยนะ)
วางขายกลางเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วจ้ะ
 
 
สำหรับแฟนๆ แชมพู และครีมนวด Tsubaki ที่แม้ตอนนี้จะมีแชมพูพรีเมี่ยมออกมาแข่ง ทั้ง Asience ของคาโอ หรือ VS ของวิดัล แซสซูน เป็นต้น
กระนั้น สึบากิ แชมพูสูตรส่วนผสมน้ำมันดอกสึบากิ จากชิเซโด้ ก็ยังครองอันดับหนึ่งของตลาดแชมพูพรีเมี่ยมในญี่ปุ่น เรื่อยมานับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อสองปีที่แล้ว
ตอนนี้เอาใจคนชอบแบกกลับกรุงเทพ ด้วยการออกเวอร์ชั่น refill หลังจากให้คู่แข่งออกเวอร์ชั่นเติม ไปก่อนหน้า
ราคาก็ถูกกว่า ปริมาณก็เท่ากัน แถมเบากว่า เพราะไม่หนักขวด ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ซื้อกลับมาหลายๆ ซอง …หุหุ
 
 
อันที่จริงกั๊ดเจ็ด จะยังไม่หมดเท่านี้ แต่ขอเก็บไว้เขียนต่างหากในตอนต่อไป
เพราะภูมิใจนำเสนอ และดีใจยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเสียที
 
อีกอย่าง ช่วงนี้เริ่มอยู่ในอารมณ์ขี้เกียจระบายบล็อกอีกแล้ว จึงขอเขียนอะไรสั้นๆ ง่ายๆ
และมีเรื่องตุนไว้เขียนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะได้ไม่หายหน้ากันไปนาน
 
นะจ้ะ ขยิบตา
 
 
อัพเดต: ช่วงเดือนนี้คงไม่หนีออกไปเที่ยวกลางคืนแล้ว ก็คงมีเวลาและไม่ขี้เกียจเขียนบล็อกแล้ว (มั้ง!!)
 

Written by vw

November 2, 2008 at 15:22

Posted in Entertainment

SEE SAW V

with 3 comments

 
ภาคแรก สนุกเป็นบ้าเป็นหลัง หนังห่าไร หักมุม บทเจ๋ง ดูน่ากลัวเป็นบ้าเลย
นึกว่าหนังเกรดบี เน้นความสยองแบบดาษดื่น เช่ามาดูแบบไม่คิดมาก เพราะชอบดูหนังแบบนี้มากกกก…ก!!
ที่บอกว่าน่ากลัว – ความน่ากลัวในที่นี้ มาจากความชั่วร้าย และการหักมุมได้ร้ายกาจ ไม่ใช่มาจากความสยดสยอง
เป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญชั้นเลิศในใจ ตลอดกาล
 
 
ภาคสอง เอ่อ…ยังไงดีล่ะ เริ่มยัดเยียดความสยอง เนื้อเรื่องพยายามเดินตามรอยภาคแรก แต่ไม่ค่อยเข้าท่า
แอบเซ็งบ้างพอสมควร
 
 
ภาคสาม โหยยย.. เกลียดแม่งมากมาย เสร่อ คิดบทได้งัย หักมุมปัญญาอ่อน ไม่เข้าท่า
ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ดูดีกว่า เสียความรู้สึกโคตรๆ
 
 
ภาคสี่ เอี๊ยยยยยย!! หนังเอี้ยไรเนี่ยะ คิดเรื่องให้หักมุมแบบเสี่ยวๆ สยองแบบดาษๆ
ดีแล้ว ตายๆ ไปเสียได้ก็ดี แต่เอ๊ะ! ยังมีตัวอะไรของมันอีกเนี่ยะ เสร่อละ หนังจัดได้ว่าเสี่ยวอย่างยิ่ง!!
 
 
   
 
ภาคห้า ที่เชื่อว่าก็ยังคงไม่ใช่ภาคสุดท้าย ในโปสเตอร์ มีใบรูปของคุณตัวร้าย ผ่าตัดดึงหน้าซะเช้งเชียว
ไม่รู้จะโผล่เป็นผีดิบ หรือเปล่า เพราะดูจากที่ผ่านมาก็ชักจะไปกันใหญ่ จะเป็นผี ก็คงไม่เกินวิสัย
และแน่นอนว่า เนื้อเรื่องก็คงปัญญาอ่อนเหมือน 3 ภาคที่ผ่านมา รวมทั้ง ที่ขาดไม่ได้ ตุ๊กตาลานขี่จักรยานสามล้อ
และ ‘เกม’ สยองๆ อันจะขาดไม่ได้สำหรับ "SAW"
 
เห้อ…!!! ก็ยังคงอยากดู และคาดว่าก็คงไปดู (และก่นด่า หลังจากได้ดู) เช่นเคย Confused
 
 
HAPPY HALLOWEEN
 

Written by vw

October 28, 2008 at 14:36

Posted in Entertainment

Right to Marriage

with one comment

 
ไปเก็บข่าวเขามาเล่า เพราะเห็นว่าน่าสนใจดี…
 
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา เพราะนอกจากวันที่ 4 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
จะเป็นวันประวัติศาสตร์ของอเมริกา ที่ว่าจะได้มีประธานาธิบดีผิวสีคนแรก หรือแก่ที่สุดของอเมริกา
ก็ยังเป็นวันเดียวกันกับวันสำคัญของชาวแคลิฟอร์เนีย ที่จะมีการลงประชามติสำคัญ
 
เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐแคลิฟอร์เนีย คือรัฐที่สอง ต่อจากรัฐแมสซาชูเซสส์ ที่อนุญาติให้เพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้
เมื่อกฎหมายฉบับอนุญาติแต่งงานเพศเดียวกันได้นี้ประกาศใช้ นอกจากจะมีเสียงร้องแสดงความยินดี ก็ยังมีเสียร้องเสียงหลงคัดค้านกฎหมายฉบับนี้เช่นกัน
ดังนั้น เหล่าผู้คัดค้านจึงรวมตัวกันได้เสียงเพียงพอ เพื่อเสนอ "Proposition 8" (http://en.wikipedia.org/wiki/California_Proposition_8_(2008))
หัวข้อของญัตตินี้ มีหัวข้อตรงไปตรงมาคือ "Eliminates Right of Same-Sex Couples to Marry"
แปลได้ความว่า "จำกัดสิทธิการแต่งงานของเพศเดียวกัน"
 
จึงเกิดกลุ่มของผู้สนับสนุนญัตตินี้ ทำเว็บไซต์ขึ้นมา ภายใต้แคมเปญง่ายๆ ว่า Yes on 8 (http://www.protectmarriage.com/)
 
แน่นอนว่าเมื่อมีผู้สนับสนุนย่อมมีผู้คัดค้าน โดยมีเว็บไซต์คัดค้าน ภายใต้แคมเปญ No on 8 (http://www.noonprop8.com/)
 
ลุกลามบานปลายไปจนถึงการรณรงค์ของผู้เข้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
จากที่ตามจากข่าวหนังสือพิมพ์และทีวี (ข่าวสั้นจิ๋วเดียว) บารัค โอบาม่า สนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกัน ส่วนจอห์น แมคเคน คัดค้าน (โถ!!)
 
ก็รู้กันอยู่ว่าแคลิฟอร์เนียนั้น เป็นที่ตั้งของฮอลลีวู้ด เมืองอุตสาหกรรมบันเทิงของโลก
ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เหล่าชาวรักเพศเดียวกัน หรือผู้สนับสนุนที่ไม่จำเป้นต้องรักเพศเดียวกัน จะมีเสียงเข้มเสียงแข็ง มิฉะนั้นจะเกิดกฎหมายนี้ขึ้นมาได้อย่างไรเล่า
ล่าสุดทั้ง Google และ Apple ต่างสนับสนุนและมอบเงินสนับสนุนแคมเปญ No on 8 อย่างออกหน้าออกตา นอกเหนือไปจากคนในวงการบันเทิง ที่แทบจะพร้อมเพียงคัดค้านญัตตินี้
โดยมีเฮียเอลเลน ดีเจนเนอเรส เป็นหัวหอกคัดค้านทางโทรทัศน์ (แหงล่ะ)
 
ลุ้นผลประธานาธิบดีอเมริกา ก็อย่าลืมลุ้นผลโหวต Yes / No on 8 ด้วยล่ะ
จะได้รู้ว่าประเทศเสรีสุดโต่งอย่างสหรัฐฯ จะเหลือให้เพศเดียวกันแต่งงานกันเพียง รัฐเดียว หรือสองรัฐ (จากตั้ง 50 รัฐเนี่ยะนะ!!!)
 

Written by vw

October 27, 2008 at 02:47

Posted in Entertainment

When Love …

with 3 comments

 
"Love can hurt but the things it brings are worth death."
ความรักมักนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่ก็คุ้มค่าพอที่เราจะตายเพื่อรัก
 
"When you’re in love …life is like a romance novel that you never want to end."
เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งรัก …ชีวิตก็เหมือนดั่งนิยายที่คุณไม่ต้องการให้จบ
 
"When you love someone…you’ll do anything to reach the heart of the one you love."
เมื่อคุณรักใครสักคน …คุณจะทำทุกอย่างเพื่อชนะใจเขา
 
"When you feel true love…you follow the way of the heart."
เมื่อมีรักแท้ …คุณก็พร้อมที่จะไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ
 
"When you’re in love …it has a strange affect on everything you do."
เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งความรัก รักนั้นจะมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งที่คุณทำ
 
"When you love someone…everything around you can feel the warmth of your love."
เมื่อคุณรักใครสักคน …ทุกสิ่งรอบกายคุณจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแห่งรักนั้น
 
"When you’re in love …your only aim is for the heart of the one you love."
เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งรัก …สิ่งเดียวที่คุณปรารถนาคือ หัวใจรักตอบแทน
 
"When love is in your heart …you’re happy doing the simple chores of life."
เมื่อรักเกิดขึ้นในใจ …แม้เรื่องธรรมดาก็ทำให้คุณมีความสุขได้
 
"When you love someone no matter how you add it up, the answer remains the same."
เมื่อคุณรักใครสักคน …ไม่ว่าคุณจะคิดไปทางใด คำตอบก็ดูจะเหมือนเดิมเสมอ
 
"When you’re in love …the treasure you seek is true and endless love."
เมื่อคุณตกอยู่ในห้วงแห่งรัก …สมบัติล้ำค่าที่คุณแสวงหา คือรักแท้อันเป็นนิรันดร์
 
 
 
รู้สึกเวลานี้ ตัวเองเริ่มกลับมาเหงา เดินตามหารักอย่างคนเสียสติ
อาจเป็นเพราะฤดูกาลก็ได้มั้ง วนเวียนแบบนี้ทุกปี ทุกที
 
เลยมองดูคนรอบข้าง พบว่าบางคนยังรอคอยที่จะให้ใครสักคนรักเขา
บางคนมองหานิยามของรัก …ที่ยังไม่ใช่รักแท้
อีกหลายคนมีรัก แต่ก็ยังไม่แน่ใจในรัก
บางคนฝืนทนเพราะ รัก
และบางคน ก็ยังไม่เจอความรักเสียที
 
อ่านเจอข้อความสีสันจัดจ้านข้างต้นใน hi5 ของน้องคนหนึ่ง
ถึงได้หายสงสัย ว่าทำไมคนเราถึงต้องมีรัก และต้องการความรัก
 
ก็เพราะเมื่อมีรัก โลกจึงหมุน
 

Written by vw

October 23, 2008 at 04:52

Posted in Entertainment